การสึกหรอของแม่พิมพ์เป็นปัญหาที่ส่งผลต่อคุณภาพการผลิตและต้นทุนโดยตรง ดังนั้นการเรียนรู้ เทคนิคการป้องกันการสึกหรอของแม่พิมพ์ จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับโรงงานและช่างเทคนิค เพื่อช่วยลดความเสียหายและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของแม่พิมพ์ให้ใช้งานได้ยาวนานขึ้น
1. เลือกวัสดุแม่พิมพ์ที่เหมาะสม
การเลือกวัสดุเป็นปัจจัยแรกที่ช่วยลดการสึกหรอ เช่น เหล็กกล้าเกรดสำหรับงานแม่พิมพ์ (Tool Steel), SKD11, H13 ซึ่งเหมาะกับงานที่ต้องรับแรงกระแทกสูง ช่วยลดการชำรุดและรอยขีดข่วนได้ดี
2. ใช้เทคนิคการเคลือบผิวเพื่อลดการเสียดสี
การเคลือบผิวแม่พิมพ์ เช่น TiN, TiCN, DLC Coating ช่วยเพิ่มความแข็ง ลดแรงเสียดทาน และเป็นหนึ่งในวิธีที่นิยมใช้ในการป้องกันการสึกหรอของแม่พิมพ์ในอุตสาหกรรมสมัยใหม่
3. การหล่อลื่นและทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ
การหล่อลื่นที่ถูกต้องจะช่วยลดการเสียดสีระหว่างชิ้นส่วนแม่พิมพ์ และยังทำให้การเปิด–ปิดแม่พิมพ์ลื่นไหลขึ้น ควรทำความสะอาดคราบโลหะ เศษชิ้นงาน หรือคราบน้ำมันที่สะสมอยู่เป็นประจำ
4. การตรวจสอบและบำรุงรักษาแม่พิมพ์เชิงป้องกัน (Preventive Maintenance)
การตรวจเช็กตามรอบ เช่น การวัดความสึกหรอของชิ้นส่วนสำคัญ การขัดผิว การเปลี่ยนชิ้นส่วนที่เสื่อมสภาพ จะช่วยป้องกันปัญหาใหญ่ก่อนเกิดขึ้นจริง ลดความเสียหายและต้นทุนซ่อมบำรุง
5. ปรับพารามิเตอร์การผลิตให้เหมาะสม
ปัจจัยอย่างแรงดันฉีด อุณหภูมิ ความเร็วการผลิต หากตั้งค่าไม่เหมาะสมอาจทำให้แม่พิมพ์สึกหรอเร็วกว่าปกติ การปรับค่าผลิตให้เหมาะสมกับวัสดุและประเภทงานจึงเป็นส่วนสำคัญของการลดการสึกหรอแม่พิมพ์
สรุป
การป้องกันการสึกหรอของแม่พิมพ์สามารถทำได้หลายวิธี ตั้งแต่การเลือกวัสดุแม่พิมพ์ เทคนิคเคลือบผิว การหล่อลื่น การบำรุงรักษาเชิงป้องกัน ไปจนถึงการปรับค่าการผลิตอย่างเหมาะสม ทั้งหมดนี้ช่วยลดต้นทุน เพิ่มคุณภาพงาน และยืดอายุการใช้งานของแม่พิมพ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แม่พิมพ์, การสึกหรอแม่พิมพ์, เทคนิคบำรุงรักษา, Mold Maintenance, ช่างแม่พิมพ์

