การปรับแต่งแม่พิมพ์ (Mold Fitting) เป็นขั้นตอนสำคัญในการออกแบบแม่พิมพ์และงาน Tooling เพื่อให้ชิ้นงานมีความฟิตพอดี ลดการค้างแม่พิมพ์ และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตแบบมืออาชีพ บทความนี้จะอธิบายเทคนิคหลักๆ ที่นิยมใช้ในงานปรับแต่งแม่พิมพ์เพื่อช่วยให้ได้คุณภาพงานสูงสุด
1. ตรวจสอบความเผื่องาน (Tolerance) ก่อนเริ่มปรับแต่ง
ก่อนเริ่มงาน ปรับแต่งแม่พิมพ์ ต้องตรวจสอบความเผื่อการผลิต (Tolerance) ของแบบชิ้นงาน เพื่อให้เกิดความฟิตพอดี (Fitting) ระหว่าง Core, Cavity และ Slide ต่างๆ เมื่อตรวจสอบค่าความคลาดเคลื่อนถูกต้อง จะช่วยลดปัญหาการเสียดสีและการสึกหรอของแม่พิมพ์ในระยะยาว
2. เทคนิคการขัดผิวแม่พิมพ์เพื่อเพิ่มความฟิต
การขัดผิวแม่พิมพ์เป็นขั้นตอนพื้นฐานในงาน Injection Mold และ Mold Design โดยอาศัยเครื่องมืออย่างหินขัด กระดาษทราย และเพชรขัดเพื่อลดรอยคม ลด Burr และช่วยให้ผิวแนบสนิทมากขึ้น วิธีนี้ช่วยให้การเปิด-ปิดแม่พิมพ์ลื่นขึ้น และยืดอายุการใช้งานของแม่พิมพ์
3. ตรวจวัดการสัมผัสระหว่าง Core และ Cavity
ในงาน Fitting ช่างแม่พิมพ์มืออาชีพจะใช้เทคนิค Blue Check (เช็กด้วยสีน้ำเงิน) เพื่อดูรอยสัมผัสระหว่างผิวแม่พิมพ์ โดยเมื่อปิดแม่พิมพ์และเปิดออก จะเห็นรอยกระจายตัวของสีที่ช่วยบอกตำแหน่งสูง-ต่ำ ทำให้สามารถปรับแต่งจุดคับหรือจุดหลวมได้อย่างแม่นยำ
4. ปรับแต่งองศาล็อก (Locking Angle) ให้แน่นพอดี
ส่วนที่มักต้องปรับแต่งบ่อยในงานแม่พิมพ์คือ Locking Angle ซึ่งมีผลโดยตรงต่อ ความฟิตพอดี (Fitting) ของ Mold ช่างแม่พิมพ์จะใช้หินขัดหรือเครื่องมือเจียรละเอียดเพื่อควบคุมองศาไม่ให้มากเกินไปหรือหลวมเกินไป ซึ่งช่วยลดปัญหา Flash และผลิตงานได้เสถียรขึ้น
5. ทดสอบความฟิตของแม่พิมพ์หลังการปรับแต่ง
หลังการปรับแต่งแม่พิมพ์ จะมีขั้นตอนทดสอบการปิด-เปิด เพื่อดูแรงกด แรง Lock และการเข้าแนบของส่วนประกอบทั้งหมด หากทุกส่วนทำงานได้ลื่นไหล ไม่มีจุดค้างหรือฝืด ถือว่าแม่พิมพ์มีค่า Fitting ที่ดี พร้อมเข้าสู่การทดลองยิง (Trial Mold)
สรุป
เทคนิคการ ปรับแต่งแม่พิมพ์เพื่อเพิ่มความฟิตพอดี เป็นหัวใจสำคัญของงาน Mold Design และ Injection Mold การเข้าใจพื้นฐานด้าน Tolerance, การขัดผิว, การวัดการสัมผัส และการทดสอบฟิตติ้ง จะช่วยให้แม่พิมพ์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น
แม่พิมพ์,ปรับแต่งแม่พิมพ์,Fitting,Mold Design,Injection Mold,Tooling

